เมนู

จากกายตน พากันมาชื่นชมยินดีกับดีฉันผู้มีอายุยืน
มาสู่เทพวิมาน.

จบปัลลังกวิมาน

อรรถกถาปัลลังกวิมาน


ปัลลังกวิมาน มีคาถาว่า ปลฺลงฺกเสฏฺเฐ มณิโสวณฺณจิตฺเต
ดังนี้ เป็นต้น. ปัลลังกวิมานนั้นเกิดขึ้นอย่างไร ?
พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ เชตวันมหาวิหาร อารามของ
อนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้กรุงสาวัตถี. ก็สมัยนั้น ธิดาของอุบาสิกาคนหนึ่ง
ในกรุงสาวัตถี มารดาบิดายกให้กุลบุตรคนหนึ่งในกรุงสาวัตถีนั้นเอง
เสมอกันทางตระกูลและประเทศเป็นต้น. ธิดานั้นเป็นหญิงไม่โกรธ ถึง
พร้อมด้วยศีลและมารยาท นับถือสามีดุจเทวดา สมาทานศีล 5 และ
ในวันอุโบสถรักษาศีลอุโบสถโดยเคร่งครัด. ต่อมานางถึงแก่กรรมเกิดใน
สวรรค์ชั้นดาวดึงส์. ท่านพระมหาโมคคัลลานเถระไปเหมือนอย่างที่กล่าว
มาแล้วในหนหลัง ถามเทพธิดานั้นว่า
ดูก่อนเทวีผู้มีอานุภาพมาก ท่านแผลงฤทธิ์ได้
ต่าง ๆ อยู่บนที่นอนอันโอฬาร เป็นบัลลังก์ประเสริฐ
วิจิตรด้วยแก้วมณีและทองคำ ลาดด้วยดอกไม้.
นางอัปสรเหล่านี้ ฟ้อนรำขับร้อง ให้ความบันเทิง
แก่ท่านโดยรอบ. เทวีผู้มีอานุภาพมาก ท่านเป็นผู้

สำเร็จฤทธิ์ เมื่อเป็นมนุษย์ท่านได้ทำบุญอะไรไว้
ท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ ผิวพรรณของท่าน
สว่างไปทั่วทิศด้วยธรรมอะไร ดังนี้.

แม้เทพธิดานั้นก็ได้ตอบด้วยคาถาทั้งหลายเหล่านี้ว่า
ดีฉันเป็นมนุษย์ในหมู่มนุษย์ ได้เป็นสะใภ้ใน
ตระกูลมั่งคั่ง. ดีฉันไม่โกรธ อยู่ในอำนาจของสามี
ในวันอุโบสถก็มิได้ประมาท. ดีฉันเป็นมนุษย์วัยสาว
มิได้เหลวไหล มีฐิตเลื่อมรสให้สามีโปรดปรานเป็น
ที่ยิ่ง เมื่อก่อนดีฉันได้เป็นหญิงมีศีล มีความประพฤติ
เป็นที่พอใจ. ดีฉันเว้นฆ่าสัตว์ เว้นลักทรัพย์ มีกาย
บริสุทธิ์ เป็นพรหมจารีนีที่สะอาด ไม่ดื่มน้ำเมา ไม่
พูดเท็จ ทำให้บริบูรณ์ในสิกขาบททั้งหลาย. ดีฉัน
มีใจเลื่อมใส ประพฤติตามธรรม มีใจปลาบปลื้ม
เข้ารักษาอุโบสถประกอบด้วยองค์ 8 ประการ ในวัน
14 ค่ำ 15 ค่ำ และวัน 8 ค่ำ แห่งปักษ์ และตลอด
ปาฏิหาริยปักษ์ ครั้นดีฉันสมาทานกุศลอันประกอบ
ด้วยองค์ 8 เป็นอริยะนี้ มีความสุขเป็นกำไรแล้ว
ชาติก่อนดีฉันได้เป็นสาวิกาของพระสุคต ได้อยู่ใน
อำนาจของสามีเป็นอย่างดี ครั้นดีฉัน ทำกุศลกรรม
เช่นนี้ในขณะที่ยังมีชาติอยู่ เป็นผู้มีส่วนแห่งภพอัน
วิเศษ เมื่อถึงแก่กรรมลง ดีฉันได้เป็นเทพธิดาผู้มี

ฤทธิ์ ในอภิสัมปรายภพ มาสู่สวรรค์ หมู่เทพซึ่งมี
รัศมีซ่านออกจากกายตน ห้อมล้อมด้วยหมู่นางอัปสร
ในวิมานมีปราสาทอันประเสริฐ น่ารื่นรมย์ พากัน
ชื่นชมดีฉันผู้มีอายุยืนมาสู่เทพวิมาน.

ในบทเหล่านั้น บทว่า ปลฺลงฺกเสฏฺเฐ ได้แก่ บัลลังก์อันประเสริฐ
คือบัลลังก์อันสูงสุด เพื่อแสดงความที่ที่นอนนั้นประเสริฐที่สุดจึงกล่าวว่า
มณิโสวณฺณจิตฺเต วิจิตรด้วยแก้วมณีและทองคำ. บนที่นอนเป็นบัลลังก์
อันประเสริฐ ที่ท่านกล่าวว่า ตตฺถ ในที่นั้น และ สยเน บนที่
นอนอันวิจิตรด้วยแก้วมณีรุ่งเรืองด้วยตาข่ายรัศมีแก้วหลายอย่าง. ชื่อว่า
บัลลังก์ประเสริฐที่สุดเป็นที่ที่ควรนอน. บทว่า เต คือ โดยรอบตัวท่าน.
ควรเปลี่ยนวิภัตติเป็น ตํ เพราะเพ่งถึงบทว่า ปโมทยนฺติ. อีกอย่าง
หนึ่ง บทว่า ปโมทยนฺติ ได้แก่ ทำความบันเทิง อธิบายว่า ยังความ
บันเทิงให้เกิดแก่ท่าน.
บทว่า ทหรา อปาปิกา ได้แก่ แม้เป็นสาวก็ไม่เป็นคนเหลวไหล
ปาฐะว่า ทหรา สุปาปิกา ดังนี้บ้าง. ความอย่างเดียวกัน คือไม่นอกใจ
ในสามีหนุ่ม. อาจารย์บางพวกกล่าวว่า ทหรสฺสา ปาปิกา ดังนี้บ้าง
ได้แก่ ไม่นอกใจสามีหนุ่ม. อธิบายว่า เป็นหญิงดีด้วยการปรนนิบัติ
โดยเคารพและด้วยการไม่ประพฤตินอกใจ. ด้วยเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวว่า
ปสนฺนจิตฺตา มีจิตเลื่อมใสแล้ว. บทว่า อภิราธยึ คือ ให้ยินดี. บทว่า
รตฺโต คือ ในกลางคืน.
บทว่า อโจริกา คือ เว้นจากการลักทรัพย์. อธิบายว่า เว้นจาก

การถือเอาของที่เขาไม่ให้. ปาฐะว่า วิรตา จ โจริยา ดังนี้บ้าง
อธิบายว่า เว้นจากความเป็นขโมย. บทว่า สํสุทฺธกายา ได้แก่ มีกาย
บริสุทธิ์ด้วยดี เพราะทำการงานทางกายบริสุทธิ์. จากนั้นเป็นผู้ประพฤติ
พรหมจรรย์อย่างสะอาด เพราะไม่ประพฤติพรหมจรรย์ในผู้อื่นนอกจาก
สามี. สมดังที่ท่านกล่าวไว้ว่า
พวกเราไม่นอกใจภรรยา แม้ภรรยาก็ไม่นอก
ใจพวกเรา พวกเราประพฤติพรหมจรรย์ ยกเว้น
ภรรยาเหล่านั้น เพราะฉะนั้นแล พวกเราจึงไม่ตาย
ตอนยังเป็นหนุ่มสาว ดังนี้.

อีกอย่างหนึ่ง บทว่า สุพฺรหฺมจารินี ได้แก่ เป็นผู้ประพฤติ
พรหมจรรย์สะอาด ด้วยสามารถแห่งมรรคพรหมจรรย์ คือ อุโบสถศีล
อันสะอาดบริสุทธิ์ประเสริฐ ประเสริฐที่สุด หรือพรหมจรรย์อันเป็นส่วน
เบื้องต้นความสมควร.
บทว่า อนุธมฺมจารินี ได้แก่ มีปกติประพฤติธรรมสมควรแก่ธรรม
ของพระอริยะทั้งหลาย. โยชนาแก้ไว้ว่า ข้าพเจ้าเข้ารักษาอุโบสถประกอบ
ด้วยองค์ 8 อันประเสริฐเป็นอริยะ เพราะไม่มีโทษดังที่ท่านกล่าวแล้ว
ตามลำดับนี้ หรือเพราะเป็นอริยะด้วยองค์ 8 อันประเสริฐเป็นอริยะดัง
ที่กล่าวแล้ว ชื่อว่าเป็นกุศลธรรม เพราะอรรถว่าไม่เศร้าหมอง และเพราะ
อรรถว่าไม่มีโทษ ชื่อว่ามีสุขเป็นกำไร เพราะมีสุขเป็นวิบาก และเพราะ
มีสุขเป็นอานิสงส์.
บทว่า วิเสสภาคินี ได้แก่ เป็นผู้มีส่วนแห่งสมบัติภพอันวิเศษ คือ

เป็นทิพย์. บทว่า สุคติมฺหิ อาคตา ได้แก่ มา คือเข้าถึงสวรรค์ หรือ
มาในสุคติสวรรค์ คือทิพยสมบัติ. ปาฐะว่า สุคตึ หิ อาคตา มาสู่
สวรรค์ดังนี้บ้าง. บทว่า หิ ในบทนั้นเป็นเพียงนิบาต หรือมีความ
เป็นเหตุ. โยชนาแก้ว่า เพราะมาสู่สุคติ ฉะนั้น จึงเป็นผู้มีส่วนแห่งภพ
วิเศษ.
บทว่า วิมานปาสาทวเร ได้แก่ ในปราสาทอันสูงสุดในวิมาน
ทั้งหลาย หรือในปราสาทอันเลิศกล่าวคือวิมาน หรือดีฉัน อันหมู่นาง
อัปสรแวดล้อมแล้วในวิมาน อันเป็นปราสาทประเสริฐใหญ่หาประมาณ
มิได้ คำนวณไม่ได้ มีรัศมีซ่านออกจากกายตนเองบันเทิงอยู่. อีกอย่าง
หนึ่ง ควรนำบทว่า อมฺหิ มาประกอบด้วย. บทว่า ทีฆายุกึ โยชนาแก้
ว่า หมู่เทพพากันยินดีกับข้าพเจ้าผู้มีอายุยืน เพราะมีอายุยืนกว่าพวกเทพ
ชั้นต่ำ และเพราะมีอายุไม่น้อยกว่าพวกเทพที่เกิดในวิมานนั้น ผู้มาคือ
เข้าถึงเทพวิมานตามที่กล่าวแล้ว. บทที่เหลือมีนัยดังกล่าวแล้วนั่นแล.
จบอรรถกถาปัลลังกวิมาน

4. ลตาวิมาน


ว่าด้วยลตาวิมาน


[32] นางเทพนารี 5 องค์ มีความรุ่งเรือง มีปัญญา
งดงามด้วยคุณธรรม เป็นธิดาของท้าวเวสสวัณมหา-
ราช คือ นางลดาเทพธิดา 1 นางสัชชาเทพธิดา 1
นางปวราเทพธิดา 1 นางอัจฉิมุตีเทพธิดา 1 นาง